เป็นอีกคนบันเทิงที่เผชิญมรุสุมสำหรับ “เจี๊ยบ วัชระ ปานเอี่ยม” หนึ่งในสมาชิกวงเฉลียง โดยนักร้องดังได้เปิดใจผ่านรายการ

“เพราะว่าเราไปยึดอาชีพนักแสดงและจากนั้นก็นักดนตรี ถ้าหากเราไม่มีคอนเสิร์ตใหญ่เราก็จะไปเล่นเล็กๆตามร้านอาหารหรืออะไรที่เป็นร้านกาแฟสวนเปิดๆกินลมชมดาวอะไรก็ว่ากันไป

แต่ว่าพอเจอปัญหามาตั้งแต่ปีที่แล้วเป็นรายได้ที่เราเคยได้รับเป็นศูนย์บ. นั่งนิ่งๆคือตกงาน 100 เปอร์เซ็นต์ ส่วนงานแสดงคือเรารับจ้างไม่ได้เสร็จ ไม่ได้ปิดกล้องเงินไม่ออก

เราก็จะมีเงินบางก้อน เงินที่เหลืออยู่บ้างในบางส่วนเราก็รัดเข็มขัดกันสุดๆโชคดีที่ลูกชายทำงานแล้ว

แต่ว่าก็ยังมีลูกสาวอีกคนที่ยังเรียนไม่จบปัจจุบันนี้เรียนปีท้ายที่สุดแล้ว ส่วนแม่ก็บอกท่านว่าเก็บค่าเช่าสวนไปก่อนนะ

ตอนนี้ลูกไม่ได้เลี้ยงนะ ส่วนภรรยาเขาก็สนุกสนานกับงาน DIY มาสก์ก็เย็บ และทำขนมขายออนไลน์”

ไม่อยากที่จะให้มีอาชีพเหมือนพ่อ “เราทำอาชีพนี้มาเราบอกได้เลยว่าเราไม่อาจจะเป็นอาชีพที่อิสระตั้งว่าฉันจะทำอันนี้ตรงนี้

จัดคอนเสิร์ตแล้วมาดูฉันมันจะต้องมีผู้จัด ผู้จ้างเพราะว่าแบบนั้นถ้าไร้คนจัดเราก็หิว ในตอนที่ลูกจะสอบเข้ามหาวิทยาลัย ลูกชายเขาก็พูดว่าเขาอยากเล่นดนตรี

ต้องการเรียนดนตรี ผมก็รู้จักเพื่อนๆน้องๆที่ทำอยู่ในวงการดนตรีและจากนั้นก็เป็นมืออาชีพ เราก็ชักชวนเขามาที่บ้าน โอ๋ เขาก็มาเลยมาเล่าให้ฟังว่าการเป็นกีตาร์เล่นได้เงินชั่วโมงละ 500 บ

แต่ว่าลูกชายเขาก็เดินทางสายดนตรีครับ แต่ว่าเขาไปเรียนดนตรีด้านเชิงพาณิชย์เอาดนตรีไปสร้างเงิน

มีอยู่ตอนหนึ่งเห็น พี่เจี๊ยบ ไปออกรายการรายการหนึ่ง มีมีกระแสว่าเคยอยู่ในช่วงnกอัU คุณเจี๊ยบเปิดเผยว่า ผมไม่รู้ว่าคำๆนี้มันออกมาได้ไงนะ

ไม่เคยพูดเลยนะว่าตัวเอง๓กอับ เพียงแต่ว่างานที่เราเคยทำอยู่มันได้เป็นรายได้เป็นอาชีพก็คือ นักแสดง เป็นเจอปัญหามาเขาไม่ให้ถ่ายทำ

มันโดนกันหมดดังนั้นมันก็คือไม่มีงานถ่ายทำ พอไม่มีงานถ่ายทำ มันก็คือตกงาน ตกงาน 100% ก็คือไม่ได้ทำงานเลยทุกวัน กินข้าว นอน ตื่นมา กินข้าว นอน มีอยู่เพียงเท่านี้ เขาเรียกตกงาน

ผมไม่โกรธ เพราะว่าความรู้สึกเรารู้ เราทำงานมาตั้ง 60 กว่าปี ทำงานมาเยอะ เลยรู้ถึงการขายว่า

อันนั้นจะต้องขายอย่างนี้ อันนี้จะต้องขายอย่างนั้นนะ คนมันจะได้สนใจ ตีปี๊บให้ดังไว้ก่อน เข้ามามองปั๊บมันก็มีแต่ว่าผนังในปี๊บ มันไม่มีอะไรในปี๊บเลย มันเป็นเรื่องปกติ