โลดแล่นอยู่บนเส้นทางบันเทิงมายาวนาน จนกระทั่งมีชื่อเสียงและก็ชื่นชอบของแฟนๆทั่วปประเทศ สำหรับ ตั๊ก ท่าทาง หรือที่เรารู้จักในชื่อ ตั๊ก ศิริพร นักแสดงสายฮา นอกจากนั้นยังเป็นถึงนักร้อง นักแสดงตลก รวมทั้งพิธีกรอีกด้วย จะต้องบอกเลยว่าเป็นคนเก่งอีกคนของวงการ รวมทั้งอีกไม่กี่ปีข้างหน้า เธอนั้นได้เตรียมลาวงการ ไปใช้ชีวิตกับครอบครัวที่บ้านเกิด และก็ในวันนี้พวกเราก็ได้นำภาพความเรียบง่ายของเธอมาฝากกันด้วยค่ะ

พูดได้ว่าอยู่วงการบันเทิงมาเป็นระยะเวลานานและก็มีงานตลอดไม่ขาดสาย สำหรับ ‘ตั๊ก ศิริพร อยู่ยอด’ หรือชื่อในวงการ ‘ตั๊ก ลีลา’ มีชื่อเสียงจากการเป็นนักร้อง

และก็ในระยะหลังบางทีอาจเห็น ‘ตั๊ก ศิริพร’ ในรายการเพลงโดยเป็นกรรมการตัดสินการแข่งขันเยอะขึ้น ‘ตั๊ก ศิริพร’ นั้นเริ่มต้นร้องเพลงตั้งแต่อายุ 14 ปี

ด้วยการเดินสายแข่งขันที่จังหวัดนครสวรรค์ บ้านเกิด หลังจากนั้นเมื่ออายุ 17 ปีได้เข้าแข่งขันร้องเพลงของสยามกลการ และก็ได้รับรางวัลนักร้องดีเด่น

หลังจากนั้นก็เลยได้เข้าสู่วงการบันเทิงอย่างเต็มตัวจากการสนับสนุนของ ‘แจ้ ดนุพล แก้วกาญจน์’ ปัจจุบันนี้ ‘ตั๊ก ศิริพร’ มีรายการประจำเป็นจำนวนมาก

ที่ผ่านมา นักแสดงตลกมีชื่อเสียงอย่าง ‘ตั๊ก ศิริพร’ เคยออกมาพูดว่า มีแพลนอำลาวงการบันเทิงเพื่อไปใช้ชีวิตอยู่ต่างจังหวัด “ถามว่าจะทิ้งงานในวงการบันเทิงไปเลยไหม

ก็บางทีก็อาจจะยังมีรับบ้าง แต่ว่าถึงคนจะไม่เห็นตนบนหน้าจอ ก็ยังมีช่องทางอื่นให้ติดตามกัน ซึ่งผู้ชมเยอะกว่าอีก ตนเลยบางทีอาจจะทำรายการของตัวเอง คงจะไม่ได้หายหน้าหายตาไป

ถามว่าถ้าย้ายไปอยู่ต่างจังหวัดแล้ว ‘น้องภู’ ลูกชายก็อยู่กับใคร ตนไม่ค่อยห่วงลูกชายมากเท่าไร เพราะว่าเขาโตเป็นผู้ใหญ่เข้ามหาวิทยาลัยแล้ว

ปัจจุบันนี้อยู่บ้านเดียวกัน ก็ยังไม่ค่อยได้เห็นหน้าลูกเลย เพราะว่าเขาก็มีโลกส่วนตัวของเขา แล้ววันหนึ่งเขาก็จะต้องแยกไปมีครอบครัวของเขา ตนกับ ‘พี่นุ้ย’ ก็จะต้องดูแลกัน 2 คนอยู่ดี

‘พี่ตั๊ก’ กับ ‘พี่นุ้ย’ พวกเรามีความชอบเหมือนกันตรงที่ว่าเราเป็นคนที่ไม่ชอบเมืองกรุง ถึงจะอยู่กรุงเทพฯ มา 20 30 ปี แต่ยังไงก็ถูกใจต่างจังหวัดมากกว่า

แล้วเรื่องที่จะไปอยู่ต่างจังหวัดเนี่ยเราคุยกันไว้ยาวนานมาก เพียงแค่มันได้จังหวะในช่วงที่สถานการ์อย่างนี้ มันว่างก็เลยมานั่งคิดให้เป็นกิจจะลักษณะเลย ‘พี่นุ้ย’ อยากไปเร็วกว่าพี่อีกจะบอกให้

แต่ว่า ‘พี่ตั๊ก’ เองอีกเพียงแค่สี่ห้าเดือนก็จะครบ 50 มันก็เลขห้าแล้ว ‘พี่ตั๊ก’ ก็รู้สึกว่าเราสองคนทำงานหนักกันมาตลอด ไม่ค่อยได้ไปไหน

ไม่ค่อยได้พักผ่อนเลย ดังนั้นบั้นปลายชีวิตเราคิดว่าเราไม่อยากทำงานมากแล้ว อยากอยู่กับธรรมชาติ ตื่นเช้ามาเห็นพระอาทิตย์ขึ้นอยู่หลังเนินเขา

มองดูไปเป็นทุ่งนาเป็นไร่เป็นสวน อยากอยู่แบบนั้นมาก ให้มันหายใจได้เต็มปอด ไม่ได้ไปอยู่เพื่อที่จะทำงานที่จะหวังร่ำรวย

ไม่ต้องการแบบนั้นแล้วชีวิตเพราะว่าทำงานหนักกันมาทั้งสองตลอดแล้ว อยากทำอะไรที่มันสบายบ้าง อยากไปอยู่แบบนั้น เป็นปีหน้าพี่ว่าเดี๋ยวจะทำอะไรต่างๆที่พี่คิดไว้

ถ้ามันทำได้นะ พี่ทำงานในวงการทั้งหมดมาแทบหมดทุกอย่างแล้ว แล้วมันเหลืออีกอย่างหนึ่งที่พี่อยากทำ ปีหน้าลุยงานที่มันเต็มที่เลยเป็นการทิ้งทวนก่อนจะเกษียณ”